วิเคราะห์ Harley Quinn จาก Suicide Squad: เป็นแฟน Joker มันดีจริงๆหรือ?

*บทความอันนี้โฟกัสเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง Harley Quinn และ Joker ในหนังเรื่อง Suicide Squad เท่านั้น ไม่ใช่เป็นบทวิจารณ์องค์ประกอบอื่นๆของหนัง – มี SPOILERS เล็กน้อย


J: เธอจะยอมตายเพื่อฉันมั้ย? 
H: ยอมค่ะ 
J: ไม่ ไม่ ไม่ คำถามนั้นง่ายเกินไป … เธอจะยอมอยู่เพื่อฉันมั้ย?
H: ยอมค่ะ

นี่คือบทสนทนาระหว่างวายร้ายอมตะ The Joker กับ “แฟนสาว” Harley Quinn ในหนังเรื่อง Suicide Squad หลังจากบทสนทนานี้จบลง Harley (ซึ่งตอนนี้ยังผมบลอนด์ยาวใส่แว่น และยังมีตัวตนเดิมหลงเหลืออยู่หน่อย) ตัดสินใจกระโดดลงไปในอ่างน้ำกรดเพื่อชนะใจชายที่ตนรัก ชั่ววินาทีนึง Joker ดูเหมือนจะทิ้งเธอให้ตายอยู่ในนั้น แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนใจ…โดดตามลงไป ช่วยดึงเธอขึ้นมาจากใต้ผืนน้ำกรด และทั้งสองก็จูบกันอย่างดูดดื่มขณะที่ดนตรีอลังการและโรแมนติกดังขึ้นอยู่ในแบ้กกราวด์…

สำหรับหลายๆคน นี่คือโม้เม้นต์ที่ “โคตร” โรแมนติก…บ้าคลั่ง แต่โรแมนติกสุดๆ! แต่สิ่งหนึ่งที่เรามักลืมคิดกันไป คือ ตัวละคร Harley กำลังอยู่ในความสัมพันธ์ที่ตนเองโดนเอาเปรียบ และโดนละเมิดทางด้านอารมณ์และจิตใจอย่างถึงขั้นขีดสุด  Joker เปรียบเสมือนแฟนหนุ่มของเพื่อนพวกเราทุกคน…แฟนที่เราดูออกเลยว่าแย่ต่อเพื่อนเรา ทำให้เพื่อนเราเสียใจและร้องไห้อยู่ตลอด แต่เพราะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เพื่อนก็ยังไม่ทิ้งผู้ชายคนนี้ เธอยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง ยอมเสียสละ ยอมทุกอย่าง เพียงเพราะ “รัก” คำเดียวเท่านั้น

บทความนี้เป็นการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่าง Harley และ Joker…รวมถึงทัศนคติที่หนัง Suicide Squad มีต่อตัวละคร Harley และความลุ่มหลงที่เธอมีต่อวายร้ายในคราบหนุ่มหล่อไร้สติ เพื่อเป็นการตั้งคำถามว่า เรา..ในฐานะคนดู…ควรจะ “สนุก” และ “หลงเสน่ห์” ในตัว Harley และ Joker มากขนาดไหนกันเชียว?

ประวัติของ Harley Quinn

“ทูนหัวของฉันอาจจะรุนแรงนิดหน่อย แต่เขาก็รักฉันจริงๆนะ”
“My puddin’s a little rough, but he loves me, really.”

ก่อนที่เราจะวิเคราะห์การนำเสนอตัวละคร Harley Quinn ในหนัง Suicide Squad เราจำเป็นต้องเข้าใจถึงประวัติของตัวละครกันก่อน Harley Quinn ถูกเปิดตัวครั้งแรกในปี คศ. 1992 ในการ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่อง “Batman: The Animated Series” ในฐานะลูกน้องที่หลงรัก Joker จนหัวปักหัวปำ Joker เอาเปรียบและใช้เธออย่างไม่ไยดี แต่เธอก็ยังกลับมาหาเขาทุกครั้ง จนทำให้เรื่องราวของเธอกลายเป็นบทสะท้อนถึงเรื่องราวของเหยื่อที่โดนล่วงละเมิด (abuse victim) ในความสัมพันธ์

ซีรี่ส์แอนิเมชั่นเริ่มกล่าวโทษความสัมพันธ์อันไม่ healthy นี้ด้วยการให้ Harley พบเจอและเป็นเพื่อนกับ Poison Ivy  เพื่อนใหม่คนนี้นี่แหละ คือ ผู้ที่ชี้ให้ Harley เห็นว่า เธอกำลังตกอยู่ในความสัมพันธ์แบบไหน…

Posion Ivy: ฉันไม่เข้าใจว่าเธอยังหลงไหลในตัวไอ้คนวิปริตคนนั้นอยู่ได้ยังไง? เธออยากเป็นเหยื่อของคนบ้าๆอย่างนั้นไปตลอดชีวิตเลยเหรอ?
Posion Ivy: I can’t believe you’re still mooning over that psychotic creep. You wanna be some wacko’s victim for the rest of your life?

ในปี คศ. 1994 Harley ได้ปรากฎตัวในหนังสือการ์ตูนเล่มแรกของเธอ ชื่อเรื่อง “The Batman Adventures: Mad Love” ซึ่งอธิบายว่า Harley ตกหลุมรักกับ Joker ได้อย่างไร Harley เป็นนักจิตแพทย์ที่มีบาดแผลทางจิตใจจากพ่อ ซึ่งทำให้เธอโดน Joker หลอกลวงได้ง่าย เธอจึงตัดสินใจทิ้งชีวิตเดิมๆของเธอเและหันหาชีวิตอาชญกรรมเพื่ออยู่กับผู้ชายที่เธอรัก ผู้แต่งเรื่อง Mad Love ชื่อ Bruce Timm ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างตัวละคร Harley มาจากเพื่อนของเขาคนหนึ่งซี่งติดอยู่ในความสัมพันธ์แบบกดขี่ข่มเหง (abusive relationship) เช่นนี้ Timm กล่าวถึง Mad Love ว่า:

“ผมไม่คิดว่าการ์ตูน Mad Love (ของ Harley Quinn) คือ เรื่อราวของเหยื่อที่โดนทำร้าย แต่เป็นเรื่องราวเตือนใจเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเรารักใครซักคนอย่างหมกมุ่น บ้าบิ่น และยาวนานเกินไป เราเห็นเงาสะท้อนของตัวเราเองผ่านสถานการณ์อันน่าเศร้าของ Harley ผู้ซึ่งยอมทำทุกอย่างให้แก่คนๆหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของเธอแย่ลง แต่ผมคิดว่า การตระหนักถึงจุดนี้จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และนั่นคือสิ่งที่ดีจริงๆ”

“I don’t think of Mad Love as a victim’s tale, but a cautionary one about what happens when someone loves recklessly, obsessively, and for too long. Through Harley’s tragicomic experiences, we catch a glimpse of ourselves in a funhouse mirror, distorted and all too wiling to play the fool for someone we’d be much better off without. But through that awareness can come change, and that’s a good thing indeed.”

หลังจากนั้น ตัวละครของ Harley ก็ปรากฎตัวในเกมส์บ้าง ในการ์ตูนบ้าง ชุดแต่งกายของเธอเริ่มเปลี่ยนไป …ผมของเธอเริ่มเปลี่ยนสี กางเกงของเธอเริ่มสั้นขึ้น … แต่ตัวละครของเธอก็ยังคงผูกพันกับ Joker อยู่เรื่อยไป เมื่อดาราสาว Margot Robbie รับบทตัวละครนี้ในเรื่อง Suicide Squad วายร้าย Joker ก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งกับเรื่องราวของ Harley อีกเหมือนเดิม … แต่หนังได้ explore ความสัมพันธ์ที่ไม่ healthy นี้อย่างละเอียดอ่อนหรือเปล่า? เรามาดูกัน…

ความสัมพันธ์ระหว่าง Joker และ Harley ใน Suicide Squad

“ฉันแค่จะทำให้เธอเจ็บ…เจ็บมากๆ”
“I’m just gonna hurt ya. Really, really bad.”

ก่อนอื่น เราควรจะทำความเข้าใจความหมายของ “ความสัมพันธ์แบบกดขี่ข่มเหง” หรือ “Abusive relationship” กันเสียก่อน หลายคนเข้าใจว่า ความสัมพันธ์แบบกดขี่ข่มเหง คือ การปลุกปล้ำ ข่มขืนและฝืนใจเท่านั้น แต่แท้จริงแล้ว ความสัมพันธ์แบบนี้รวมถึงการล่วงละเมิดและเอาเปรียบทางด้านอารมณ์และจิตใจด้วย ตามคำอธิบายขององค์กร “Relationship Abuse Awareness” ความสัมพันธ์แบบกดขี่ข่มเหง หรือ abusive relationship คือ พฤติกรรมที่ทำร้ายหรือบีบบังคับเพื่อรักษาอำนาจและการควบคุมที่ตนมีเหนือมนุษย์อีกคนหนึ่ง การเอาเปรียบนี้เกิดขึ้นได้หลายทาง ทั้งทางด้านจิตใจ ทางด้านการเงิน ทางด้านเพศ หรือทางด้านการใช้กำลัง

ตัวอย่างของความสัมพันธ์แบบนี้ที่เราพบเห็นกันบ่อยๆ คือ ในละครไทย…เมื่อพระเอกตบหน้าหรือพยายามปลุกปล้ำนางเอก จนในที่สุดนางเอกก็ยอมเสียสละตัวเองให้เพราะใจ “รัก” พระเอกไปแล้ว (ขอใส่คำว่า “รัก” ไว้ในเครื่องหมายคำพูด เพราะความรักที่แท้จริงเป็น concept ที่ตีความได้หลายแบบ)

ในหนังเรื่อง Suicide Squad ความ “รัก” ระหว่าง Harley และ Joker เข้าข่ายความสัมพันธ์แบบนี้ตั้งแต่เริ่มต้น ฝ่ายชายเอาเปรียบและล่วงละเมิดฝ่ายหญิงทางด้านอารมณ์และจิตใจเป็นส่วนใหญ่ โดยประเด็นหลักๆมีดังต่อไปนี้

  • Joker เป็นผู้กำอำนาจในความสัมพันธ์ – ตั้งแต่แรกเจอ Harley ก็ตกหลุมรัก Joker อย่างเต็มที่ไปแล้ว Joker รู้และเห็นถึงความหลงใหลที่เธอมีต่อเขา เขารู้ว่าเธอจะยอมทำทุกอย่างเพื่อเขา และเขาก็ใช้ประโยชน์ความรู้สีกของเธออย่างเต็มที่ อย่างที่เราเห็นในฉาก flashback Harley คือคนที่หาปืนกลมาให้ Joker ในคุก เธอ “ยอม” กระโดดลงไปในอ่างน้ำกรดเพื่อพิสูจน์ความรัก ยอมโดนช็อตสมอง ฯลฯ
  • ความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ – Joker เป็นเจ้าของตัวตนของ Harley Quinn อยู่แล้ว ด้วยการที่ identity ของ Harley Quinn (ที่บ้า หลุด และโรคจิตพอๆกับเขา) ถูกสร้างขึ้นมาด้วยตัวของเขาเองผ่านการช็อตสมอง เอาเปรียบและหลอกลวง ฉากหนึ่งที่แสดงให้เห็นความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอย่างเห็นได้ชัด คือ ฉากในไนท์คลับที่ Harley เต้นรูดเสาให้ Joker ดู หลังจากนั้น เขาก็ผิวปากเรียกหาเธอด้วยคำพูด “Come to Daddy” (“มาหาป๋ามา”) ก่อนที่จะแกล้งขายเธอให้คู่แข่งของเขา แม้ฉากนี้จะเป็นการเสแสร้ง แต่ก็ยังให้ความรู้สึกแปลกๆอยู่ดี โดยเฉพาะเมื่อเราคำนึงถึงประวัติความสัมพันธ์ของทั้งสองตัวละคร
  • ฉาก Joker ช็อตสมอง Harley – นี่เป็นฉากที่ใกล้เคียงการใช้กำลังข่มขืนฝืนใจมากที่สุดแล้วในหนัง นี่ คือ ฉากที่ผู้ชายหลายคนจับผู้หญิงคนหนึ่งรัดและยึดตัวไว้ ก่อนที่ผู้ชายโรคจิตอีกคนหนึ่ง (Joker) จะเดินเข้ามาเพื่อทำอะไรก็ได้กับฝ่ายหญิง! ตามที่เรารู้ ฝ่ายชายไม่ได้ข่มขืนหรือฝืนอะไรทางเพศกับฝ่ายหญิงในฉากนั้น แต่เขาก็ยังช็อตสมองเธออยู่ดี แม้เราจะพิจารณาจากมุมมองไหน ไอ้พฤติกรรมนี้ก็ยังบ้าและโหดร้ายอยู่ดี

  • Harley เปลี่ยนตัวเองจากหน้ามือเป็นหลังมือเพื่อ “รัก” Joker – ก่อนที่เธอจะกลายเป็น Harley Quinn สติหลุด เธอคือจิตแพทย์ Dr. Harleen Quinzel แต่พอเธอหลงรัก Joker เธอยอมเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและโลกของเขา…ไม่ใช่แค่หน้าตาและการแต่งกายเท่านั้น แต่สติสัมปชัญญะของเธอด้วย ตอนใกล้จบของหนัง ผู้ร้าย Enchantress ได้ให้ตัวะครเอกทุกตัวเห็นความฝันที่พวกเขาต้องการมากที่สุด Harley ไม่ได้เห็นเธอกับ Joker ไล่ฆ่าคนและครองอณาจักรอย่างบ้าคลั่ง เธอกลับเห็นตัวเองเหมือนเมื่อก่อน มีลูกและครอบครัวที่อบอุ่นกับ Joker ที่ไม่ได้มีหน้าขาว ผมเขียว ปากแดง แต่เป็น Joker ในคราบมนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น นี่คือความรักและความฝันจริงๆที่ Harley ต้องการ … เพราะฉะนั้น มันหน้าเศร้าที่ความเป็นจริงมันห่างจากภาพนี้แบบสุดๆ

การที่หนังเปลี่ยน “ความสัมพันธ์อันกดขี่ข่มเหง” กลายเป็น “ความรักโรแมนติก” คือ สิ่งที่อันตราย (อีกสองตัวอย่าง คือ หนังเรื่อง Twilight และ Fifty Shades of Grey) โดยเฉพาะเมื่อวัยรุ่นชายหญิงหลายคนกลับเข้าใจว่าความสัมพันธ์เช่นนี้ คือ ความรัก (ถ้ามีเวลา ลองสำรวจ hashtag #ยอมแล้วทูนหัวอยากมีผัวเป็นโจ๊กเกอร์ ใน twitter ดู)

แม้ Harley บอกว่าเธอสามารถรับความเจ็บปวดที่ Joker จะให้ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอ “จำเป็น” หรือ “สมควร” ต้องรับมัน  แม้ Joker อาจจะแสดงความห่วงใยหรือความ “รัก” ในตัว Harley ในบางครั้ง ก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งอื่นๆที่เขาทำต่อเธอมัน “โอเค”  แม้ลึกๆข้างใน Joker อาจจะรัก Harley จริงๆ (เหมือนที่ลึกๆแล้วแฟนของเพื่อนเราคนนั้นอาจจะรักเพื่อนเราจริงๆ) ก็ไม่ได้หมายความว่า ความสัมพันธ์นี้เป็นอะไรที่โรแมนติกหรือควรจะสานต่อเลย

ทัศนคติของหนังต่อ Harley Quinn

“ฉันเบื่อ…เล่นกับฉันหน่อยสิ”
“I’m bored. Play with me.”

Margot Robbie เป็นดาราสาวที่มีพรสวรรค์มาก แต่ด้วยความ “ฮ้อต” ของเธอ…เธอกลับได้แต่บทที่ใช้เธอเป็น object ทางเพศผ่านมุมมองกล้องของผู้ชายเท่านั้น ใน Wolf of Wall Street เธอเป็นเพียงแค่ภรรยาที่เซ็กซี่และบ้าบิ่นของลีโอ ในเรื่อง The Legend of Tarzan เธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและแกร่ง แต่ทั้งเรื่องเธอกลับถูกลักพาตัวและต้องรอให้ Tarzan มาช่วย แม้แต่ใน Suicide Squad หนังก็จบด้วยฉาก Joker บุกเข้ามาช่วยเธอออกจากคุก ฉากที่เธอโชว์เนื้อหนังและใส่กางเกงขาสั้นแบบสุดๆก็เป็นประเด็น การเปลือยกายสามารถถูกใช้เพื่อแสดงถึงพลังอำนาจในตัวผู้หญิงได้ (ตัวอย่างหนึ่ง คือ ฉากจากซีรี่ส์ Game of Thrones ระหว่าง Brienne of Tarth และ Jaime Lannister ในอ่างอาบน้ำ) แต่หนังกลับหมกมุ่นกับชุดโป๊ๆ ใบหน้าและบั้นท้ายของ Harley อยู่บ่อยครั้ง จนเหมือนหนังจะพยายามให้เหตุผลว่า เพราะเธอ “บ้า” ช้อตแบบนี้เลยโอเค ทั้งที่จริงๆแล้ว มันเป็นการดูถูกตัวละครผู้หญิงและทำให้บทบาทสำคัญของตัวละครด้อยค่าลง

ทำให้ผู้เขียนอดสงสัยไม่ได้ว่า..มุมกล้องและสายตาของผู้กำกับที่เป็นผู้หญิงอาจทำให้ Margot Robbie ได้ใช้พรสวรรค์ของเธออย่างเต็มประสิทธิภาพมากกว่าก็เป็นได้

หนัง Suicide Squad ต้องการนำเสนอความบ้า ซ่า ฮ้อตและตลกของ Harley Quinn แต่แทบไม่ได้ใส่ใจให้รายละเอียดและเรื่องราวแก่ตัวละครของเธอเลย ตัวละครอย่าง Deadshot (Will Smith) และ El Diablo (Jay Hernandez) ต่างได้รับเนื้อเรื่องและการพัฒนาตัวละคร (story arc) แต่ Harley กลับเหมือนเดิมตั้งแต่ตอนเริ่มต้นของหนังจนกระทั่งถึงตอนจบ ตอนเริ่มต้น เธอบ้าและหมกมุ่นกับ Joker ตอนจบเรื่อง เธอก็ยังบ้าและหมกมุ่นกับ Joker อยู่เหมือนเดิม แม้เธอจะช่วยเอาชนะผู้ร้าย Enchantress ได้ แต่การตัดสินใจของเธอก็ไม่ได้รับการ explore อะไรมากมาย เธอเพียงแค่ตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบๆตัวเธอเท่านั้น ใช่..เธอสนุก ตลกและเด่น แต่แก่นแท้ของตัวละครของเธอ คือ การต่อสู้ของผู้หญิงคนหนึ่งที่โดนทำร้ายและเอาเปรียบโดยผู้ชายที่เธอรัก ทำไมหนังถึงไม่ใส่ใจ กล่าวถึงหรือให้เวลากับตรงจุดนี้เลย?

ในฉากหนึ่ง Harley เค้นให้ El Diablo ยอมรับว่าเขาฆ่าครอบครัวของตนเองด้วยไฟ เธอบอกให้เขา “Own that shit” (“ยอมรับมัน” หรือ “เผชิญหน้ามัน”) เฉกเช่นเดียวกัน หนังภาคอื่นๆของ DC และ Suicide Squad ก็จำเป็นต้อง “เผชิญ” แก่นแท้ของตัวละคร Harley และความสัมพันธ์อันพิสดารของเธอกับ Joker อย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่แค่ผ่านภาพมุมมองของความบ้าโรแมนติกเท่านั้น

ไม่เช่นนั้นแล้ว Harley Quinn ก็จะเป็นเพียงแค่ตัวละครผู้หญิงบ้าๆตลกๆที่ไล่ฆ่าคน แทนที่จะเป็นผู้หญิงที่แตกหัก ซับซ้อน แต่ยังคงน่าสนใจคนหนึ่ง…


บทความน่าสนใจอื่นๆ (เป็นภาษาอังกฤษ)

*All photos courtesy of DC Comics and Warner Brothers

Leave a Comment